(( ...กล่องดำ... "พยานปากสำคัญ ไขปริศนาสู่ความจริง" ))
บทความโดย บ้านนอกทีม บทความตั้งแต่ปี50นะครับ
http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/09/X5838272/X5838272.html
...กล่องดำ... "พยานปากสำคัญ ไขปริศนาสู่ความจริง"
ถามมากันเยอะ ตั้งกระทู้กันหลายรอบ
มาดูกันดีกว่า ว่ากล่องดำที่เรียกกันติดปาก
มันคืออะไร???....
ทำไมถึงเรียกว่ากล่องดำ ?.
แล้วมันสีดำจริงหรือไม่ ?
กว่าจะเป็นกล่องดำต้องผ่านการทดสอบอะไรบ้าง
กระทู้นี้มีคำตอบให้จ๊ะ.......
**********************
เมื่ออากาศยานประสบอุบัติเหตุขึ้น
สองสิ่งแรกที่หน่วยกู้ภัยถึงที่เกิดเหตุ
คือต้องรีบค้นหาผู้รอดชีวิตและอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน
ที่รู้จักกันในนาม.......
“กล่องดำ”
เครื่องบินโดยทั่วไปจะต้องปฏิบัติตามกฎด้านการบิน
ในการติดตั้ง "กล่องดำ" สองชนิดสำหรับบันทึกข้อมูลการบิน
เพื่อช่วยจำลองเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่จะเกิดอุบัติเหตุ
***********************************
กล่องแรกชื่อว่าซีวีอาร์ [Cockpit Voice Recorder : CVR]
ทำหน้าที่บันทึกเสียงต่างๆ ในห้องนักบิน เช่นการโต้ตอบทางวิทยุการบิน เสียงของเครื่องยนต์ หรือเสียงการใช้อุปกรณ์ต่างๆในห้องนักบิน
อีกกล่องหนึ่งเรียกว่า เอฟดีอาร์ [Flight Data Recorder : FDR] ซึ่งคอยบันทึกค่าต่างๆ เช่นระยะสูง ความเร็ว และทิศทางบิน
ประวัติความเป็นมาของ “กล่องดำ”
กล่องดำ [Black Box] คือ อุปกรณ์สำหรับบันทึกข้อมูลการบิน (Flight Data Recorder : FDR)
ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุของอุบัติเหตุ
กล่องดำเริ่มนำมาใช้ในกิจการการบินตั้งแต่ พ.ศ.2493
กล่อง
ดำเครื่องแรกที่มีใช้ใน สหราชอาณาจักร (ประมาณ พ.ศ.2500-2508)
ใช้แถบแม่เหล็ก [Megnetic Tape] และแผ่นโลหะ [Stainless Steel]
สำหรับเป็นสื่อเก็บข้อมูล บรรจุอยู่ในกล่องที่มีโครงสร้างที่ได้รับการสร้าง
ให้มีความแข็งแรงทานทาน ต่อแรงกระแทกและทนต่อแรงเครียด ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ได้
เช่น ไฟไหม้ แรงกดดันจากการจมน้ำ หรือแม้แต่แรงระเบิด ฯลฯ
กล่องดำส่วนใหญ่ติดตั้งไว้บริเวณ ***ส่วนหางของเครื่องบิน ***
ซึ่งเชื่อว่าเป็นบริเวณที่ได้รับความเสียหายน้อยที่สุดหากเครื่องบินลำนั้นประสบอุบัติเหตุ
สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา
กล่องดำในยุคแรก ๆ จะใช้แผ่นฟอล์ย เป็นสื่อในการบันทึกข้อมูลการบิน แผ่นฟอล์ย 1 ม้วน
สามารถบันทึกข้อมูลการบิน ได้ถึง 200-400 ชั่วโมงด้วยกัน
ในปี พ.ศ.2501
สมาพันธ์บริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา
หรือ
เอฟเอเอ (Federal Aviation Adiministration : FAA)
ได้ออกกฎหมายสำหรับใช้บังคับกับ เครื่องบินโดยสารของ
ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องติดตั้งกล่องดำทุกเครื่อง
ต่อมาในปี
พ.ศ.2503 รัฐบาลของ สหราชอาณาจักร ได้ออกกฎหมายในทำนองเดียวกันนี้
ใช้บังคับกับเครื่องบินพาณิชย์ของตนเองที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 20,000
ปอนด์ขึ้นไป
ต่อมาในปี พ.ศ.2508
กล่องดำได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพ
***และทาสีกล่องให้เป็นสีเหลืองหรือสีส้ม****
*** เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา ภายหลังเครื่องบินประสบอุบัติเหตุ***
แต่สาเหตุที่เรียกว่ากล่องดำนั้น
น่าจะมีเค้ามูลมาจากภาชนะที่บรรจุหรือติดตั้งอุปกรณ์ อีเล็คทรอนิกส์
ในเครื่องบินนั้นทาด้วยสีดำทั้งหมด
และเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมคล้ายกล่อง
บ้างก็มีความเชื่อว่ากล่องดำในสมัยก่อนนั้นทาสีดำจริง ๆ
หรืออีกเหตุผลหนึ่งว่าเมื่อเครื่องบินตก
แล้วเกิดไฟไหม้อุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วเป็นสีดำคล้ายสีเถ้าถ่าน
ก็เป็นข้อสันนิษฐานที่เคยพูดกันมา
เอฟดีอาร์ ในยุคที่ 2
ได้รับการผลิตใช้งานใน ปี พ.ศ.2513
เพื่อรองรับความจำเป็นในการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่มีจำนวนมากขึ้น
แต่ปัญหาของกล่องดำยังไม่หมดไป ซึ่งยังไม่สามารถรองรับสัญญาณที่ส่งมาจากเซ็นเซอร์ ได้ทั้งหมด จึงมีการพัฒนาอุปกรณ์รับข้อมูลการบิน
[Flight Data Acquisition Units : FDAUs] ขึ้นมาเพื่อประมวลผลสัญญาณที่ส่งมาจำนวนมากทั้งหมดก่อน
แล้วแปลงรูปแบบข้อมูลให้เป็นแบบดิจิตอล แล้วจึงส่งข้อมูลที่แปลงแล้วนั้นไปเก็บที่เอฟดีอาร์
ซึ่งจะถูกติดตั้งในตำแหน่ง ที่จะได้รับความเสียหายน้อยที่สุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
นั่นคือบริเวณท้ายของเครื่องบิน อุปกรณ์รับข้อมูลการบินตัวนี้
อยู่ในห้องอุปกรณ์อิเลคทรอนิค ด้านล่างห้องนักบิน
เอฟดีอาร์ ในยุคที่ 2 นี้ใช้แถบแม่เหล็ก (คล้ายกับเทปเพลงในปัจจุบัน)
เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล มีความยาวประมาณ 300-500 ฟุต
สามารถบันทึกได้นานถึง 25 ชั่วโมง
ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2523
เครื่องบินพาณิชย์ที่ยังคงใช้กล่องดำในยุคแรกได้รับการเปลี่ยนให้มาใช้แบบดิจิตอลทั้งหมด (Digital Flight Data Recorder : DFDR)
เนื่องจากกฎหมายการบินสากลที่เพิ่งบังคับใช้ระบุว่า เอฟดีอาร์ ของเครื่องบินโดยสารต้องสามารถบันทึกข้อมูลการบิน
ได้อย่างน้อย 11 พารามิเตอร์
แต่ ดีเอฟดีอาร์ สมัยนั้นมีความสามารถในการบันทึกข้อมูลการบินได้ถึง 18 พารามิเตอร์
ในปี พ.ศ.2534
กฎหมายการบินสากลได้เปลี่ยนแปลง โดยให้เครื่องบินโดยสารติดตั้ง
ดีเอฟดีอาร์ ที่ใช้ระบบการบันทึกข้อมูลการบินแบบโซลิค-สเตสท์ [Solid-State] และบันทึกข้อมูลการบิน 34 พารามิเตอร์ต่อวินาที
มีความยาวในการบันทึก 25 ชั่วโมงซึ่งนับว่าเป็นการพลิกรูปแบบ
ของ เอฟดีอาร์รุ่นเก่าอย่างสิ้นเชิง
ในปัจจุบันนี้ บริษัทที่ผลิตเครื่องบินต่างๆ
ได้ใช้กล่องดำแบบ ดีเอฟดีอาร์
ที่สามารถบันทึกข้อมูลการบินได้นานถึง 25 ชั่วโมง โดยบันทึกข้อมูลลง หน่วยความจำอีเล็คทรอนิสก์
เมื่อบันทึกข้อมูลจนถึง 25 ชั่วโมงแล้ว ดีเอฟดีอาร์จะเริ่มบันทึก วนทับข้อมูลเดิม
จึง
ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนม้วนเทป
หรือสื่อสำหรับเก็บข้อมูลเหมือนอย่างที่เคย เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
และประหยัดเวลาในการซ่อมบำรุงเครื่องบินอีกด้วย
ทุกวันนี้เอฟเอเอ ได้กำหนดให้เครื่องบินพาณิชย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาต้องมี
เอฟดีอาร์ ที่สามารถบันทึกข้อมูลการบินได้ตั้งแต่ 11-29 พารามิเตอร์ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องบินด้วย
เอฟดีอาร์ ที่ใช้ แถบแม่เหล็กสามารถบันทึกข้อมูลการบินได้ถึง 100 พารามิเตอร์
ในขณะที่ เอฟดีอาร์ที่ใช้การเก็บข้อมูลแบบโซลิค-สเตสท์ สามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่า 700 พารามิเตอร์
17 กรกฎาคม 2540
เอฟเอเอได้กำหนดให้เครื่องบินโดยสารในประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่สร้างหลังวันที่ 19 สิงหาคม 2545
ต้องติดตั้ง เอฟดีอาร์
ที่มีคุณสมบัติสามารถบันทึกข้อมูลการบิน
ได้อย่างน้อย 88 พารามิเตอร์
ตัวอย่าง พารามิเตอร์ที่บันทึกลงใน FDR
1. เวลา
2. ระยะความสูง
3. อัตราความเร็ว
4. อัตราการไต่ขึ้น-ร่อนลง
5. ทิศทางของเครื่องบิน
6. ตำแหน่งของคันบังคับต่างๆ ในห้องนักบิน
7. ตำแหน่งของรัดเดอร์
8. ตำแหน่งของ คอนโทรล คอลัมน์
9. ตำแหน่งของอีเวเลเตอร์
10. การไหลของเชื้อเพลิง
11.อุณหภูมิภายนอก
12.ความกดอากาศ ในห้องผู้โดยสาร
13.สมรรถนะเครื่องยนต์
ฯลฯ
ซีวีอาร์ [Cockpit Voice Recorder : CVR]
เป็นอุปกรณ์สำหรับบันทึกเสียงที่เกิดขึ้นภายในห้องนักบิน
โดยมีไมโครโฟนติดตั้งไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ เ
พื่อบันทึกเสียงที่เกิดขึ้นภายในห้องนักบิน
เช่น การสนทนาของนักบิน และลูกเรือการติดต่อสื่อสาร
ระหว่างนักบินกับเจ้าหน้าที่บังคับการบิน เสียงสิ่งของตกพื้น
เสียงการผลักสวิตซ์ตำแหน่งต่าง ๆ เสียงเครื่องยนต์ เป็นต้น
ไมโครโฟนที่ติดตั้งไว้จะรับสัญญาณเสียงแล้วส่งสัญญาณไปบันทึกไว้ที่ซีวีอาร์ ไมโครโฟนที่เชื่อมต่อกับ ซีวีอาร์ มีดังนี้
-ไมโครโฟนของนักบิน
-ไมโครโฟนของนักบินผู้ช่วย
-ไมโครโฟนของนักบินที่ 3
-ไมโครโฟนที่ติดตั้งไว้ที่ตำแหน่งกลางห้องนักบิน
ที่สามารถรับเสียงสัญญาณฉุกเฉินต่างๆ ที่เตือนในห้องนักบิน
ซีวีอาร์ ที่ใช้แถบแม่เหล็ก ในการบันทึกเสียง 30 นาที
สุดท้ายของการบินและจะหมุนวนบันทึกทับข้อมูลเดิมเมื่อครบ 30 นาที
ในปัจจุบัน ซีวีอาร์ที่ใช้ในการบันทึกเสียง
แบบโซลิค-สเตสท์ สามารถบันทึกเสียงได้นานถึง 2 ชั่วโมง
อ่านต่อที่นี้
แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 2558 21:19
อาหารกับความเชื่อของหญิงตั้งครรภ์ | 18 พ.ค. 2558 21:07 |
บุญราศี นิโคลาสบุญเกิด กฤษบำรุง (Blessed Nicholas Bunkerd Kitbamrung) | 10 พ.ค. 2562 23:45 |
การกลั่นแกล้งแสนน่ากลัว โดยไม่ต้องใช้กำลัง ในโรงเรียนญี่ปุ่น | 27 มี.ค. 2562 17:44 |
ฤดูหนาวบนปล่องภูเขาไฟทางตอนเหนือบนดาวอังคาร | 02 พ.ค. 2560 12:37 |
เผยภาพลับ สหรัฐฯเคยประจำการขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น | 23 ก.พ. 2559 20:04 |
1
nike air max tailwind 8 cielo blu argento seattle seahawks super bowl cap new balance 410 navy blue nfl brandin cooks womens navy blue 12 los angeles rams nike backer pullover hoodie nike mens bo jackson limited white road jersey oakland raiders nfl 34 vapor untouchable nike lunar tempo marrone argento
nike zoom train action hvit training sko nike [url=http://www.armeinius.com/nike-zoom-train-action-hvit-training-sko-nike-chaussuresa]nike zoom train action hvit training sko nike[/url]
ผู้โพส: nike zoom train action hv วันที่:09 เม.ย. 2562 03:18 (บุคคลทั่วไป:36.248.162.xxx)