สัตว์เลี้ยงที่มีการเลี้ยงกันมากในบ้านคือแมวและสุนัข ซึ่งจากงานวิจัยก็พบว่ามันมีความเสี่ยงต่อการได้รับบุหรี่มือสองอาจจะมากยิ่งกว่าในคนเสียอีก ....
เพราะว่าสุนัขและแมว(รวมทั้งทารก) เป็นสัตว์ที่อยู่ตามพื้นผิวมากกว่าคนผู้ใหญ่ ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับควันบุหรี่ ควันกัญชา และ ละอองบุหรี่ไฟฟ้าที่ติดอยู่ตามพื้นมากขึ้น ยิ่งสุนัขหรือแมวที่เลียขน หรือเด็กทารกที่กวาดมือแล้วเอาเข้าปาก จะยิ่งได้รับสารพิษมากขึ้น
...
รู้ได้อย่างไรว่าสัตว์เลี้ยงได้รับสารพิษ
บางคนบอกว่าไม่น่ามั้ง ... สูบนิดสูบหน่อยไม่ได้มีผลอะไรหรอก

แต่งานวิจัยในปี 2017 และ 2012 ในวารสาร Journal of Small Animal Practice เคยมีการศึกษาเรื่องนิโคตินที่ติดอยู่"ภายใน"ขนของแมวและสุนัข รวมถึงงานวิจัยในปี 2008 ที่ศึกษาเรื่องนิโคตินในปัสสาวะสุนัข
พบว่าในสุนัขและแมวที่เจ้าของสูบบุหรี่ จะมีนิโคตินตกค้างในร่างกายมากกว่าปกติ ...
ถ้ารับนิโคตินเข้าไปได้ สารก่อมะเร็งอื่นก็เช่นกัน

เกิดผลอะไรได้บ้าง
1. แมว
แมวเป็นสัตว์ที่ชอบเลียขนตัวเอง ... คือนอน เลียขน กิน นอน เลียขน วนไป
ดังนั้นแมวจะได้รับสารก่อมะเร็งเข้าไปเต็มๆทางปาก จึงมีรายงานต่างๆ เช่น
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวแมว
- มะเร็งช่องปากแมว
- มะเร็งหลอดลมแมว

2. สุนัข
สุนัขเป็นสัตว์ที่มีความสามารถในการดมกลิ่น จมูกของมันกรองกลิ่นได้ดี
จึงพบโรคต่างๆได้เช่น
- มะเร็งโพรงจมูก : ในสุนัขที่โพรงจมูกยาว
- มะเร็งปอด : ในสุนัขที่โพรงจมูกสั้น
- หลอดลมอักเสบ
- งานวิจัยในปี2014 ยังพบว่าสุนัขที่สัมผัสควันบุหรี่ จะมีเซลล์ในช่องปากและลำคอที่เปลี่ยนแปลงไปจะเป็นมะเร็งได้

ไม่สูบบุหรี่ในบ้านเพียงพอไหม
บางคนคิดว่าในเมื่อในบ้านมีสุนัข แมว หรือทารกอยู่ ก็เลยไม่สูบบุหรี่ในบ้าน แต่ไปสูบที่บ้านเพื่อนหรือที่ทำงานแทน
ปัญหาคือ งานวิจัยในคนที่มีลูก พบว่าแม้สูบที่นอกบ้าน แต่พอกลับมาอยู่ในบ้าน ก็จะพาเอาฝุ่นควันบุหรี่ติดตัวมาด้วยตามเสื้อผ้าหน้าผม รายงานในเด็กทารกก็ปรากฎว่าเด็กได้รับสารพิษเช่นกัน

สรุปแล้ว หากรักสัตว์เลี้ยงของท่าน จงเลิกสูบบุหรี่ครับ
เพื่อท่าน สัตว์เลี้ยง ลูกๆและคนในครอบครัว จะได้มีสุขภาพที่ดีแข็งแรง