รัฐบาลคณะราษฎร ฟ้องยึดทรัพย์ในหลวง รัชกาลที่ ๗
บทความทั้งหมดเขียนเรียบเรียงโดยคุณ โบราณนานมา
gunhotnewsขอขอบคุณครับ
รัฐบาลคณะราษฎร ฟ้องยึดทรัพย์ในหลวง รัชกาลที่ ๗
แม้คณะราษฎรจะกุมอำนาจได้แล ้ว ยังได้พยายามกระทำการ อันเป็นการมุ่งร้าย และมีผลกระทบต่อพระบาทสมเด็ จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ซึ่งทำให้เรามองเห็นถึงความ อาฆาตมาดร้าย ของฝ่ายผู้เปลี่ยนแปลงการปก ครอง คงเป็นเพราะคนพวกนี้ เกรงว่าราษฎรอาจหันกลับมา หนุนให้มีการปกครองในระบอบเ ก่า คือระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) กันอีกครั้ง
หลังการยึดอำนาจ ยังคงมีความขัดแย้งระหว่าง รัชกาลที่ ๗ กับคณะราษฎรยังคงมีอยู่ เพราะทรงไม่เห็นด้วยกับร่าง รัฐธรรมนูญ ที่จะให้มีบทเฉพาะกาล ให้คณะผู้ก่อการยึดอำนาจการ ปกครองแผ่นดินเอาไว้ ๑๐ ปี แล้วจึงเปลี่ยนการปกครองไปอ ยู่ในมือของประชาชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้ารำ ไพพรรณี พระบรมราชินี ได้เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อไปรับการรักษาพระเนตร เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖
ความขัดแย้งระหว่าง รัชกาลที่ ๗ และรัฐบาลดำเนินไปจนถึงขั้น แตกหัก พระองค์ทรงลาออกจากราชสมบัต ิในที่สุด เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ เวลา ๑๓ นาฬิกา ๔๕ นาที
เมื่อทรงลาออกไปแล้ว รัฐบาลไม่รอช้าที่จะออกพระร าชบัญญัติ เพื่อจัดการทรัพย์สินของพระ มหากษัตริย์ โดยมุ่งจะยึดเอา “พระคลังข้างที่” (เงินสะสมของพระมหากษัตริย์ ในราชวงศ์จักรี สืบมาแต่พระบาทสมเด็จพระนั่ งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ซึ่งทรงค้าขายเก่งมาก่อนครอ งราชย์ และได้ทรงนำเงินนั้นใส่ “ถุงแดง” ไว้ข้างแท่นพระบรรทม จึงเรียกว่า “พระคลังข้างที่”…วาทตะวัน) โดยออกเป็นกฎหมายชื่อว่า “พระราชบัญญัติจัดระเบียบทร ัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช ๒๔๗๙” และเริ่มใช้บังคับตั้งแต่ ๑๕ มิถุนายน ๒๔๗๙ เป็นต้นมา
พ.ร.บ. ฉบับนี้ ได้แยกทรัพย์สินหรือสิทธิ ออกเป็นสองส่วนคือ “ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริ ย์” และ “ทรัพย์สินส่วนพระองค์” และ “ทรัพย์สินส่วนสาธารณะสมบัต ิของแผ่นดิน”
ปัญหาการฟ้องร้องเกิดขึ้น เมื่อผู้ก่อการกลุ่มหนุ่มใน ตอนนั้นซึ่งอยู่ภายใต้การนำ ของ หลวงประดิษฐมนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) ที่จ้องมอง ‘ถุงเงิน’ อย่าง ‘พระคลังข้างที่’ ตาเป็นมัน ด้วยความมุ่งหมายที่จะยึดเอ ามาเป็นของรัฐ เพื่อนำมาเป็นทุนในการจัดระ บอบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (แต่ถูกวิจารณ์ว่า “คอมมิวนิสต์”) ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอ บบัญชีพระคลังข้างที่ ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงฐานะ มาอยู่ในกำกับดูของกระทรวงก ารคลัง ตามกฎหมายใหม่ ที่ว่าด้วยการจัดระเบียบทรั พย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ปรากฏว่าคณะกรรมการชุดนี้ ได้พบเงินหายไปหลายรายการ ซึ่งเป็นเงินที่ฝากไว้ในนาม ของพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าหลว ง รัชกาลที่ ๕ในธนาคารของต่างประเทศ
รัฐบาลของฝ่ายผู้ก่อการได้ย ื่นฟ้อง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ ๗ เป็นจำเลยที่ ๑ และสมเด็จพระนางเจ้า รำไพพรรณี เป็นจำเลยที่ ๒ ให้ชดใช้เงินแก่กระทรวงการค ลัง เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๖,๒๗๒,๗๑๒ บาท ๙๒ สตางค์ (หกล้านสองแสนเจ็ดหมื่นสองพ ันเจ็ดร้อยสิบสองบาท เก้าสิบสองสตางค์)
การฟ้องร้องครั้งนี้ ช็อกประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ตกตะลึงพรึงเพริด เพราะไม่มีใครคาดคิดเลย ว่า "รัฐบาลนั้นจะทำ ถึงขั้นฟ้องร้องพระมหากษัตร ิย์ของชาติ…ได้ลงคอ"
ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ โจทก์คือกระทรวงการคลัง โดย หลวงประดิษฐมนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) ได้ขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์จำ เลยระหว่างการพิจารณาไว้ก่อ นด้วย โดยอ้างเหตุผลคือ "เกรงจำเลยทั้งสอง จะยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน"
อธิบดีศาลแพ่ง คุณพระสุทธิอรรถนฤมนต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งในเวลานั้นม ีคำสั่งว่า “ไม่อนุญาต” ตามคำร้องของโจทก์ ที่ขอยึดทรัพย์จำเลยไว้ระหว ่างการพิจารณา
แต่ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า การกระทรวงยุติธรรมในคอนนั้ น มีคำสั่งย้ายพระสุทธิอรรถนฤ มนต์ ขึ้นไปดำรงตำแหน่งในศาลฎีกา เอาดื้อ ๆ
แต่ที่น่าตกใจมากๆก็คือ ไม่กี่เดือนถัดมา ได้มีคำสั่งให้คุณพระสุทธิอ รรถนฤมนต์ ออกจากราชการฐาน…รับราชการน าน
และคุณพระสุทธิอรรถนฤมนต์ ต้องออกจากราชการไปนานกว่า สี่ปี ก่อนมีคำสั่งจากรัฐบาลนายคว ง อภัยวงศ์ ให้กลับเข้ารับราชการอีกครั ้ง
เมื่อย้ายคุณพระสุทธิอรรถนฤ มนต์ได้แล้ว ความพยายาม ของรัฐบาลโดยผู้ก่อการกลุ่ม หนุ่ม ในการเข้ายึดทรัพย์ของพระมห ากษัตริย์ ก็สัมฤทธิผล โดย น.อ.หลวงกาจสงคราม รัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการตรวจรับงานท รัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจบัญชีด้วย ได้นำเจ้าหน้าที่กองหมายของ ศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอีก หนึ่งโขยง บุกเข้าวังศุโขทัย เพื่อทำการปิดหมายยึดทรัพย์
คนพวกนี้กลับรู้สึกผิดหวังเ ป็นอันมาก เพราะพวกเขาคิดว่าจะได้พบเง ินทองและทรัพย์สินมีค่ามหาศ าล กลับต้องผิดหวังเป็นที่สุด เพราะทรัพย์สินทั้งหมด รวมอสังหาริมทรัพย์คือตัววั งสุโขทัยด้วย ก็มีมูลค่าเพียง ๓ ล้านกว่าบาทเท่านั้น
การพิจารณาคดีดำเนินไปหลายป ี จนกระทั่งในที่สุดศาลได้มีค ำสั่ง ตามคดีหมายเลขดำที่ ๒๔๒/๒๔๘๒ คดีหมายเลขแดง ที่ ๔๐๔/๒๔๘๔ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ (พิพากษาหลังสวรรคตแล้ว)
ให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเ จ้าอยู่หัว เป็นจำเลยที่ ๑ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรร ณี จำเลยที่ ๒ เป็นฝ่ายแพ้คดี
รัฐบาลยึดวังศุโขทัยและริบท รัพย์สินอื่นของพระปกเกล้าฯ เพื่อนำไปขายทอดตลาด แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ขาย ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นกร ะทรวงที่ตั้งขึ้นใหม่ก็ได้ข อเช่าวังศุโขทัยจากกระทรวงก ารคลังในอัตรา ๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน เพื่อใช้เป็นที่ทำการ จนกระทั่งย้ายออกไปในเดือนพ ฤศจิกายน ๒๔๙๓
วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๘๙ ขณะนั้นเป็นรัฐบาลของพลเรือ ตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รัฐบุรุษอาวุโสได้บันดาลให้ เกิดสัญญาประนีประนอมประวัต ิศาสตร์ขึ้นระหว่างรัฐบาลกั บจำเลยที่ ๒ ในคดีที่รัฐบาลเป็นโจทก์ยื่ นฟ้อง คือ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และกองมรดกผลประโยชน์ทั้งหล ายของเจ้าฟ้าประชาธิปก มีสาระสำคัญว่า บรรดาทรัพย์สินและหนี้สินทั ้งหลายที่ผูกพันกันอยู่นั้น เป็นอันให้เลิกแล้วต่อกัน รัฐบาลได้มาแล้วเท่าไรก็เอา เท่านั้น
และหลังจากที่กระทรวงสาธารณ สุขได้ย้ายออกไปแล้ว ทางการก็ได้ถวายวังศุโขทัยค ืนแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพ รรณี เพื่อเป็นที่ประทับต่อไป
ที่มา สยามานุสสติ
แม้คณะราษฎรจะกุมอำนาจได้แล
หลังการยึดอำนาจ ยังคงมีความขัดแย้งระหว่าง รัชกาลที่ ๗ กับคณะราษฎรยังคงมีอยู่ เพราะทรงไม่เห็นด้วยกับร่าง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ความขัดแย้งระหว่าง รัชกาลที่ ๗ และรัฐบาลดำเนินไปจนถึงขั้น
เมื่อทรงลาออกไปแล้ว รัฐบาลไม่รอช้าที่จะออกพระร
พ.ร.บ. ฉบับนี้ ได้แยกทรัพย์สินหรือสิทธิ ออกเป็นสองส่วนคือ “ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริ
ปัญหาการฟ้องร้องเกิดขึ้น เมื่อผู้ก่อการกลุ่มหนุ่มใน
ปรากฏว่าคณะกรรมการชุดนี้ ได้พบเงินหายไปหลายรายการ ซึ่งเป็นเงินที่ฝากไว้ในนาม
รัฐบาลของฝ่ายผู้ก่อการได้ย
การฟ้องร้องครั้งนี้ ช็อกประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ โจทก์คือกระทรวงการคลัง โดย หลวงประดิษฐมนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) ได้ขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์จำ
อธิบดีศาลแพ่ง คุณพระสุทธิอรรถนฤมนต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งในเวลานั้นม
แต่ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า
แต่ที่น่าตกใจมากๆก็คือ ไม่กี่เดือนถัดมา ได้มีคำสั่งให้คุณพระสุทธิอ
และคุณพระสุทธิอรรถนฤมนต์ ต้องออกจากราชการไปนานกว่า สี่ปี ก่อนมีคำสั่งจากรัฐบาลนายคว
เมื่อย้ายคุณพระสุทธิอรรถนฤ
คนพวกนี้กลับรู้สึกผิดหวังเ
การพิจารณาคดีดำเนินไปหลายป
ให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเ
รัฐบาลยึดวังศุโขทัยและริบท
วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๘๙ ขณะนั้นเป็นรัฐบาลของพลเรือ
และหลังจากที่กระทรวงสาธารณ
ที่มา สยามานุสสติ
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 2562 02:03
สุ่มกระทู้
หยดน้ำสามารถทำให้ใบไม้ไหม้ได้หรือไม่ | 22 ก.ค. 2559 21:00 |
ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ทำให้ โอบามา ควรค่าที่ได้ รางวัลโนเบล | 17 เม.ย. 2558 15:13 |
สื่อจีนพาไปดู “เครื่องบินไร้คนขับ” ลำใหม่ของแดนมังกร | 04 ก.ค. 2558 15:57 |
บุญราศี นิโคลาสบุญเกิด กฤษบำรุง (Blessed Nicholas Bunkerd Kitbamrung) | 10 พ.ค. 2562 23:45 |
ญี่ปุ่นพัฒนานาฬิกาเที่ยงตรงไปอีก 1.6 หมื่นล้านปี | 14 เม.ย. 2558 21:52 |
ยังไม่มีความคิดเห็น