ชุดภาพถ่าย "พระบฏเมืองฮอด"


ชุดภาพถ่าย "พระบฏเมืองฮอด"

พระบฏผืนนี้ขุดพบจากเเหล่งโบราณสถานเมืองฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ จากกรุพระเจดีย์ วัดเจดีย์สูง ตำบลฮอด โดยทีมคณะสำรวจเเหล่งโบราณคดีเหนือเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เมื่อปีพ.ศ.2503 

// เมืองฮอดเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเเห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ อดีตใช้เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำ เเละเส้นทางเดินทัพในอดีต นับเป็นเมืองที่มีโบราณสถานจำนวนมาก เเสดงถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในดินเเดนนี้ได้เป็นอย่างดี

// พระบฏผืนนี้ มีขนาดความกว้าง 158 เซนติเมตร ยาว 280 เซนติเมตร ใช้เทคนิคการเขียนภาพด้วยสีฝุ่นบนผ้าใบ รองพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามผสมกับดินสอพอง รูปแบบศิลปะเเบบสุโขทัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 - 21 ซึ่งเป็นพระบฏหนึ่งใน 3 ผืน ที่ขุดพบจากเเหล่งโบราณสถานเมืองฮอด เเละมีความเก่าเเก่ในประเทศไทย เขียนภาพพระพุทธเจ้า ในตอนเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในอิริยาบถประทับยืน มีดอกบัวรองพระบาท หันพระบาทไปยังทิศซ้ายเเละขวา มีพระเกศาสีดำขมวดบมคล้ายก้นหอย พระเนตรเหลือบต่ำ พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงเปิดโลก หรือที่เรียกว่า “ปางเปิดโลก” กล่าวคือ หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ในวันอาสาฬหบูชา ณ นครสาวัตถี แล้วได้เสด็จจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของท้าวสักกะเทวราช เพื่อแสดงธรรมโปรดพระมารดาที่ประทับอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนา (พระอภิธรรม) แก่พระมารดา ในที่สุดแห่งเทศนา พระมารดาทรงบรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระโสดาบัน ครั้นอยู่จำพรรษาปวารณาครบ 3 เดือน จึงได้ตรัสกับท้าวสักกะเทวราชว่ามีพระประสงค์จะเสด็จกลับยังโลกมนุษย์ ท้าวสักกะเทวราชจึงได้นิรมิตบันไดทั้ง 3 คือ บันไดทอง บันไดแก้ว บันไดเงิน ตีนบันไดทั้ง 3 ตั้งอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร ส่วนหัวบันไดพาดอยู่ที่เขาสิเมรุ พระพุทธองค์เสด็จลงทางบันไดแก้วตรงกลาง เทวดาลงทางบันไดทองทางด้านขวา มหาพรหมลงทางบันไดเงินทางด้านซ้าย ในขณะที่เสด็จลงจากเทวโลกนั้น พระพุทธองค์ทรงทำ “ยมกปาฏิหาริย์” อีกครั้งหนึ่ง คือ ทรงเปิดโลกทั้ง 3 ได้แก่เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก พร้อมทั้งทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสี ทำให้สัตว์โลกทั้ง 3 มองเห็นกันและกัน เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง นอกจากนี้พระบฏผืนนี้ยังปรากฏภาพเขียนพระอัครสาวกซ้ายเเละขวา ขนาบข้างพระพุทธเจ้า คือ พระอัครสาวกเบื้องซ้ายคือ พระมหาโมคคัลลานเถระ หรือพระโมคคัลลานะ ยืนประคองอัญลี มีกายสีเหลืองทอง เเละพระอัครสาวกเบื้องขวา คือ พระสารีบุตร ยืนประคองอัญลี มีพระวรกายสีเขียว ซึ่งการเขียนพระวรกายด้วยสีเขียวเช่นนี้ พบมากในศิลปะของอินเดีย ส่วนบริเวณเหนือพระเกศาเขียนภาพสัปทน หรือฉัตร (ฉัตรเกิ้งในภาษาล้านนา) สันนิษฐานว่าช่างเขียนรับอิทธิพลมาจากศิลปะจีน เเละเป็นเครื่องใช้ที่ใช้ในราชสำนักในสมัยนั้น ส่วนภาพเขียนส่วนอื่นๆ เช่น ทิศเบื้องซ้ายเหนือพระเกศาพระพุทธเจ้า เขียนภาพกระต่ายในดวงจันทร์ (สัญลักษณ์เเทนพระจันทร์) ล้อมรอบด้วยดวงดาวเเละหมู่เมฆ ซึ่งรับอิทธิพลมาจากศิลปะจีน ทิศเบื้องขวาเขียนภาพนกยูง (สัญลักษณ์เเทนพระอาทิตย์) เเต่มีความชำรุดเสียหายเป็นอย่างมาก จึงไม่ปรากฏรายละเอียด ส่วนฉากหลังพระพุทธเจ้าลงพื้นด้วยสีโทนร้อน เช่น สีเเดง สีเหลือง นำมาผสมเเละไล่สี ทำให้ภาพดูเด่นชัด นอกจากนี้ยังเขียนภาพดอกไม้ต่างๆที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งล้วนเป็นดอกไม้มงคล เเละนำมาใช้ในพระพุทธศาสนาเกือบทั้งสิ้น ซึ่งในพระบฏผืนนี้ปรากฏภาพดอกไม้ในลักษณะขณะกำลังร่วงลงมา เรียกว่าดอกไม้ร่วง หรือ ดอกไม้สวรรค์ เช่น ดอกบัวหลวง,ดอกบัวสาย,ดอกบัวมัดผูกเป็นช่อ,ดอกบุนนาค,ดอกบีป (กาสะลอง),ดอกจำปี,ดอกจำปา,ดอกโบตั๋น เเละดอกไม้ประดิษฐ์หลากหลายชนิด ส่วนด้านบนสุดของภาพเขียนลวดลายหยักโค้ง สันนิษฐานว่ารับอิทธิพลมาจากศิลปะจีน ซึ่งพบการใช้ลวดลายดังกล่าวประดับหน้าพระราชวังในประเทศจีน เเละเกาหลี เป็นต้น 

//ปัจจุบันภาพเขียนพระบฏผืนนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติ จังหวัดเชียงใหม่ 

// หมายเหตุ. หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยมานะที่นี้ หอภาพถ่ายล้านนาน้อมรับทุกคำเเนะนำครับ จักขอบพระคุณยิ่ง เเละสามารถเข้าชมภาพอื่นทั้งจิตรกรรมฝาผนังในล้านนา ภาพพระบฏ เเละภาพถ่ายโบราณของล้านนา ได้ที่ http://cmhop.finearts.cmu.ac.th










บทความทั้งหมดเขียนเรียบเรียงโดยคุณ Chiang Mai House of Photography

gunhotnews ขอขอบคุณครับ 


ผู้โพส: gunhotnews
วันที่: 22 พ.ค. |+2025| 08:53
จำนวนคนเข้าชมทั้งหมด:50
หมวด: พูดคุย

 

 

 

 


  แสดงความคิดเห็น
 
 
 
ชื่อ
กรุณากรอกข้อความตามภาพ    *ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทุกตัวและมีอักษรภาษาไทยผสม 
อัพโหลดรูปที่นี่ และนำโค๊ด HTML Code มาใส่ในข้อความที่ต้องการ